วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day -1: สำรวจเส้นทาง

เนื่องด้วยโอกาสก่อนฝึกงานอีก 1 วัน เลยจัด Intro มาซักหน่อย สำหรับวันนี้ก็ได้ไปเบิ่งที่ฝึกงานไว้รอ พร้อมทั้งได้ไปตามล่าหาอะไหล่จักรยานชิ้นสุดท้ายที่รอมานาน


เดินทางไป KCS
เริ่มที่คิดวางแผนไว้ว่าจะเดินทางโดย BTS เลยเริ่มเดินออกจากหอซึ่งอยู่แถว ๆ สน.บางรัก เดินมาขึ้นที่สถานีช่องนนทรี มาถึงจ่ายก่อนเลย 560 บาท 35 เที่ยว 30 วัน แล้วก็ขึ้นไปรอรถ เข้าไปถึงโอ้แม่เจ้า หลังจากไม่ได้ขึ้น BTS มาเกือบปีได้ รถใหม่นี้หว่า มีไฟกระพริบด้วยบอกว่าเราถึงไหนแล้ว แล้วเสาตรงกลางก็แยกมาเป็น 3 เสาน้อย ๆ เสียงก็ดัง แต๊ดดดดดด แทนที่จะเป็น ติ๊ด ๆๆๆๆๆ เหมือนก่อน แต่ถึงรถจะใหม่ แต่คนนั่งก็เหมือนเดิม ไม่เห็นจะลุกให้สาว ๆ ทั้งสาววัยนี้ หรือสาววัยนั้น นั่งกันเลย วัยรุ่นชายไทย หลาย ๆ คน เห้อออ เห็นแล้วก็เซ็ง ไม่รู้จะทำไง ไอ้เราก็ยืนเป็นประจำอยู่แล้ว ตอนนั่งนิก็เหลือบไปเห็น SE T707 มือถือรุ่นเดียวกันชัด ๆ มีคนใช้เหมือนกันด้วย ดีวะ เป้าหมาย คือ เพลินจิต ดังนั้น ซักพักก็ต้องลงที่สยาม แล้วก็ยืนรอรถซักพัก รถเก่านิหว่า เซ็งเลย นึกว่าจะเป็นรถใหม่ ก็นั่งกันไป ไม่ว่าจะเก่า จะใหม่ ถึงเพลินจิตก็ลง เดินไปที่สุขุมวิท ซอย 1 เดินเข้าไปซักพักก็เห็นตึก ถ่ายรูปมาแฉะ แล้วก็แวะเซเว่น ตอนแรกว่าจะกลับเลย แต่ไม่รู้จะกลับไงดีเดินไปหน้าซอยก่อนแล้วกัน ไอ้ตอนเดินมาไอ้คนที่เดินข้างหน้าก็สูบบุหรี่ควันโขมงเลย ไม่รู้ว่ากฏหมายไอ้เรื่องห้ามสูบในที่สาธารณะมันมีไว้ทำแมวอะไร เห้อ พอถึงหน้าซอยตัดสินใจได้ว่า จะกลับขสมก. มันง่ายกว่า ว่างด้วยที่กลับได้มีสาย 25 40 แต่ระหว่างที่รอมีสาย 48 ผ่านมา อ้าวสายนี้มันไปวรจักรได้นิหว่า ไปซื้ออะไหล่จักรยานได้เลย เลยจัดการขึ้นรถสาย 48 ไป

วรจักร สถานที่แห่งจักรยาน
ตอนลงจากสาย 48 นั้นเลยไปป้ายนึง ตอนรู้ว่าเลยก็รีบสอดส่องหาป้ายที่ใกล้สุด แต่ตอนมองเห็นกดลง รถเมบ์ก็ไม่จอดให้แหะ ตามสไตล์รถเมล์ไทยหลาย ๆ คัน ที่ดี ๆ ก็มี ก็เลยไปถามคนขับตอนติดไฟแดง พี่แกก็กดให้ลง ตอนลงเจือกไฟเขียวพอดีเยี่ยม แต่สกิลเราดี แต่นี้ซำบาย ลงเสร็จก็เดินย้อนกลับไป ถึงร้านจักรยาน จำชื่อร้านไม่ได้แหะ มีอาม่าคนนึงเฝ้าร้านอยู่ พอเราสั่งของเสร็จ แกก็โทรบอกลูกน้องแกให้ไปเอาของมาให้ ระหว่างที่รอแกก็มาชวนคุย เรื่องที่คุยก็เกี่ยวกับจักรยานซะส่วนใหญ่ แต่เราก็แค่ซื้อไปเปลี่ยน แล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องจักรยานอะไรมากด้วย เลยตอบไม่ทราบเป็นส่วนมาก 55+ แกอาจจะเซ็ง ๆ พอซื้อเสร็จก็จะกลับ แต่คราวนี้ไม่รู้เลยว่าจะกลับไง เลยจัดการโทรไป 184 ที่เป็นเบอร์สอบถามเส้นทางรถเมล์ ได้ความว่าต้องเดินไปที่ถนนเจริญกรุง จัดเดียวกับที่ลงนี่หว่า โหย เอาวะเดินก็เดิน ก็เดิน ๆ ไปขึ้นสาย 40 กลับมา ถึงจุฬาแวะเช่าการ์ตูน กลับหอ พักผ่อน จบการเดินทางของวันที่ -1 ของการฝึกงาน

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

งานหนังสือ แผ่นเพลง และอีก 3 วันฝึกงาน

วันนี้เป็นวันแรกที่กลับมากรุงเทพฯ กลับมาจากหมอชิต 2 ก็เล่นคอมนิดหน่อย แล้วก็นอนตื่นอีกทีเที่ยงเลย คิด ๆ ดูเลยไปงานหนังสือดีกว่า

การเดินทางไปงานหนังสือ
การเดินทางนั้นก็เหมือนคนหลาย ๆ คน นั้นก็คือ MRT นั้นเอง โดยผมนั้นได้ขึ้นที่สถานีสามย่าน เมื่อไปถึงดูคนน้อย ๆ ดีแหะ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันทำงาน คนทำงานก็ทำกันไป ผมว่างมาเที่ยวงานก่อนสบาย ๆ เมื่อเข้าไปงาน ก็เหมือนทุก ๆ ปี มีบริษัทขายหนังสือต่าง ๆ มาออกบู้ทมากมาย บู้ทก็เหมือนเดิมกับทุก ๆ ปีจะว่าไปมีคนบอกว่าข้อเสียของหนังสือมันก็มีนะ นั้นคือ หนังสือต่าง ๆ ที่ร้านขายหนังสือแทบจะขายไม่ได้ทันที ทุกคนรอไปงานหนังสือกันหมด จะว่าไปมันก็จริง แต่ก็ไม่รู้จำทำไงเหมือนกัน เพราะท่าไม่มีงานหนังสือ อาจจะไม่มีโปรโมชั่นลดถล่มถลายตามร้านหนังสือก็ได้ มาว่ากันต่อถึงภายในงาน วันที่ผมไปนิคนน้อยได้ทีเลย เดินไปเดินมาในงานสบาย ก่อนมางานก็มีความตั้งใจจะมาซื้อหนังสือ 2-3 เล่ม นั้นคือ
  1. "ติ้งกะตอย" ของ ไมเคิล มิชาลโค แล้วมี อาจารย์ธงชัย ซึ่งเป็นอาจารย์ในภาควิชาที่ผมเรียนเป็นคนแปล แถมเนื้อหาเกี่ยวกับด้านความคิดสร้างสรรค์ เลยไปจัดมาซักหน่อย
  2. "การ์ตูน SuckSeed" เหตุผลง่าย ๆ เลย ติดลมจากหนังมาอยู่ แล้วก็เจอคำพูดทำนองนี้ในเว็บบอร์ดหลายที่ นั้นคือ เมื่ออ่านแล้วจะเข้าใจในตัวเคมากขึ้น และ มันเป็นส่วนเติมเต็มของหนัง เท่านั้นเอง จึงเกิดความคิดที่ว่า ต้องได้มันมาแล้วหละ
  3. เป็น Option ถ้าไปดูแล้วน่าสนใจ ก็คงจัด นั้นคือ "ความสุขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้" เรื่องจริง กะว่าจะหาผลงานของคุณ ผมอยู่ข้างหลังคุณ มาอ่านซักหน่อยก็เท่านั้น ดู ๆ ไปเล่มนี้ดูน่าสนใจสุด เลยจัดมาซะ
พอได้ 3 เล่มนี้แล้วมีความคิดว่าจะแว้บไปดู abook ซักหน่อยแต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่า เนื่องจากยังมี CD เพลงอีก 3 แผ่นรออยู่ขืนไปบู้ท abook มีหวังกระเป๋าฉีก หลัง ๆ ขายแพงอยู่ด้วย abook เนี่ยะ ว่าแล้วเลยขึ้น MRT ต่อรถเมล์ ไปสยาม และดิ่งไป "ดีเจสยาม" ทันที

CD 3 แผ่น
พอถึงร้านปุ๊ปรู้ได้เลยว่าท่าทางเสร็จนี้คงกลับทันที เพราะเหนื่อยหละ ต้องไปพักผ่อนซักหน่อย เรื่องการซื้อนั้นไม่ยาก มีแผนมาแล้วว่า 3 แผ่นนี้ชัวร์
  1. ภูมิจิต : Bangkok Fever โหลดมาฟังแล้วชอบแหะ ชอบมากกว่าอัลบั้มแรกอีก ที่ซื้อเพราะอยากลอง แต่ Package ใหญ่ไปนิด แนวเพลงก็แปลก ๆ บอกไม่ถูก แต่เห็นว่ามี พิณ เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีด้วย เพลงที่ชอบมี เงินหมื่น โนเบล ด้วยความเคารพ แต่เค้าว่าถ้าฟังต่อ ๆ กันมันจะเป็นเรื่องเป็นราวเลย น่าสนใจ ๆ
  2. Sqweez Animal : ไม่มีที่มา อัลบั้มที่แล้วไม่เขียนชื่อบนปกยังไง อัลบั้มนี้ก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่รู้ชื่ออัลบั้มเพราะไปโหลดมาฟังก่อนเหมือนเดิม แล้วมันมีข้อมูลบอกไว้ แนงเพลงก็คล้าย ๆ อัลบั้มแรกแหะ คือฟังแล้วมันชอบ ถ้าตามที่อ่านมาเรียกว่า โซล+ฟังก์ ไรประมาณนี้มั้ง เพลงที่ชอบในอัลบั้มมี รักเรา พรุ่งนี้ดีกว่า ยาเวลา ที่ชอบเพลงมัน ตึ้ง ตื้ด ดี ฟังแล้วสนุก แฮปปี้
  3. Ost. SuckSeed อ่านมาซักพักคงคิดว่าเจ้าของบล๊อก แม่งบ้า SuckSeed วะ ซึ่งคุณก็คิดถูกแล้ว ใช่เลยหลังดูจบ จขบ. เป็นเอามากทีเดียว เพราะว่าหนังเรื่องนี้มันยุคผมชัด ๆ เลยชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่ก่อนซื้อก็ได้โหลดมาฟังก่อนถ้าไม่มีเพลงอะไรติดใจเพิ่มจากที่มีอยู่แล้วก็คงไม่ซื้อหรอก เปลืองไป แต่มันมีไง เช่น เพลงของ Arena กับ เพลง ซักซี้ดนึง ของ Paradox เลยเป็นแผ่นที่ 3 ที่เสียตังไป
ซื้อเสร็จปุ๊ปกลับหอทันที วางแผนว่าอีก 2 วันต้องไปซื้ออะใหล่จักรยาน กับ ไปสำรวจที่ฝึกงานซักหน่อยแล้ว ตอนนี้พักผ่อน บาย

ปล. แล้วก็มานั่งฟังตอนที่เขียนอยู่ เพิ่งฟัง ภูมิจิต จบไปแผ่นเดียวเอง

เพลงที่ซื้อมาทั้ง 3 แผ่น เห็นได้ว่า Package ภูมิจิต เทียบกับอีก 2 แผ่นแล้ว เอิ่มมมม -_-"

Ost. SuckSeed Ver. ปกใน ชอบปกนี้แหะ ดูเท่ดีเป็นการ์ตูนในเรื่องเลย

หนังสือที่ไปได้มาในงานหนังสือ
ตอนอัพรูปเหลือ ติ้งกะตอย ที่ยังไม่อ่านที่เหลือ เคลียร์
ไว้ซักพักจะลองรีวิวทั้ง 2 เล่มที่เคลียร์แล้วดู ชอบมากโดยเฉพาะเล่มแดง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

SuckSeed กับความทรงจำสมัยประถมยันม.ปลาย

เริ่มจากเรื่องที่ว่าช่วงนั้นอยากดูหนัง แล้วเข้าไปใน pantip.com เจอหนังเรื่องนึงที่คนบอกว่าสนุกมากยังงั้นยังงี้ เลยได้ฤกษ์ไปดูหนังซะเลย ตอนแรกเข้าไปไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่หลังจากจบออกจากโรงมาทำให้กลับไปคิดถึงหลาย ๆ เรื่อง

ประถม
ตอนสมัยป. 4 นิถ้ามีเรื่องรถกระดาษหน่อยนะ จะใช่เลย สมัยนั้นต้องพับรถกระดาษกัน เก็บมามาได้เป็นลังเลย สมัยนั้นพับเก่งด้วย เป่าทีไรที่ 2-3 เกือบตลอด บางทีก็เคยได้ที่หนึ่งด้วยในการเป่าเล่น ๆ กับเพื่อนในห้อง พอมาป.5 เป็นยุคของการ์ดยูกิเลย สมัยนั้นมันจะมีการ์ดขายเป็นเล่ม ๆ แล้วจะมีเล่มนึงหายากมาก ๆ แล้วไอ้ที่เป็นเล่ม ๆ เด็ก ๆ ทั้งโรงเรียนผมคิดว่ามันเป็นของแท้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงของปลอมทั้งนั้น  เล่มที่หายากนั้นจะมีเทพครบ 3 เลยไม่ว่าจะเป็น โอเบลิส โอซีริส ราห์ แล้วยังมี แบล๊ค เมจิกเชี่ยนด้วย เป็นการ์ดที่ผมชอบใช้มากในตอนนั้น  ทันเดอร์โบลท์ก็อยู่ในเล่มนั้นด้วย เป็นเล่มรวมการ์ดเทพเลย หลัง ๆ พอเห็นมีการ์ดกันเยอะ ๆ ก็มีเพื่อนมาเสนอซองขายให้ เราก็เอาการ์ดไปใส่ซองกัน เล่นมาเรื่อย ๆ ซักพักก็มีโยโย่เข้ามาแต่ไม่ยักกะบูมแหะ ที่โรงเรียนเด็กไม่ค่อยเล่นกัน และแล้วผมก็จบชั้นประถมไปพร้อมกับการ์ดยูกิ

ม.ต้น
เข้ามาแบบเพื่อนในห้องไม่เห็นเล่นอะไรกันเลย แต่พอม.1 ปลาย ๆ Counter Strike เข้ามาเพื่อนก็เล่นกัน ผมก็ไม่ค่อยอยากเล่น หลังจาก Counter Strike ผ่านไป Ragnarok ก็เข้ามา เพื่อน ๆ ติดกันงอมผมหละเฉย ๆ ไม่ได้เล่น เพราะรู้สึกว่าการเล่นเกม online มันไม่รู้จักจบซักทีดูไม่มีเป้าหมาย เลยไม่รู้จะเล่นทำไม แต่ก็พอรู้เรื่องนิดหน่อยว่ามีการขายองขายเอ็ม ปล่อย Bot แต่พอม.2 กำลังจะจบก็ได้ยินเพลง ๆ นึงผ่านวิทยุ คือตอนนั้นเริ่มฟังวิทยุหละ นั้นคือเพลง น้ำลาย พอฟังปุ๊ปชอบปั๊ป ขอแม่ซื้อแผ่นทันที แผ่นแรกที่ซื้อดันเป็นแผ่น Karaoke พอได้จับกับมันซักพักรู้สึกว่ามันไม่ใช่แหะ ต้อง CD ซิ แต่ถ้าจะไปขอแม่ซื้ออีกแม่คงไม่ให้หละ แล้วตอนนั้นมี Little Rock Project เข้ามาด้วย เลยขอเงินแม่ไปซื้อซะเลย หลังจาก Little Rock ก็มี CD อีกมากมายหลายแผ่นเข้ามาอยู่ในคลัง จนม.3 เริ่มไม่ได้เล่นนั้นเล่นนี้หละ เพราะต้องเตรียมสอบเข้าม.ปลาย ไม่ว่าจะเป็นเตรียมหรือมหิดล ผมกับเพื่อน ๆ บ้าเรียนพิเศษฉิบหายเลย มีไปเรียน GSC กันด้วยถือเป็นการเข้ากรุงครั้งแรกเลย เข้าไปก็เดินไปเรียน กลับมาอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก ขนาดจุฬาฯอยู่ใกล้ ๆ ยังไม่รู้จักเลย พอการสอบมาถึงไอ้ที่ไปเรียนที่ GSC มาไม่ได้ใช้เลยสอนบ้าไรมาไม่รู้เกินหลักสูตรเยอะฉิบ พอประกาศผมติดคนเดียวแหะ เสียใจนิดหน่อยที่เพื่อนที่เตรียมตัวมาด้วยกันไม่ติดไปด้วย แล้วพอเทอม 2 แม่คิดไงไม่รู้อยากให้เล่นกีต้าร์ เลยได้เล่นกีต้าร์ตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้เล่นจริงจังอะไร ซักพักเห็นมีเพื่อนเอากีต้าร์มาเล่นเพิ่มด้วย แปลกใจนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่น กีต้าร์อีกเลย เพราะติดมหิดล

ม.ปลาย
เรื่องตอนม.ปลายเป็นอะไรที่สนุกดี บ้า ๆ ไปเรื่อย หัดโดดรงโดดเรียน ที่โรงเรียนมีไปดูงงดูงานเฮฮากันไป สอบก็ไม่ค่อยได้อ่าน สอบตกเป็นปกติเลยที่ mwit แต่ที่ยังอยู่จากม.ต้นมาคือเรื่องซื้อ CD พออยู่แถวนี้เลยได้รู้จักกับวงดนตรีมากขึ้นเยอะ เหมือนม.ต้นคิดเหมือนในหนังเลยว่าดนตรีมีแค่ 2 ประเภท คือ Grammy และ RS วงที่รู้จักเพิ่มมีทั้ง Modern Dog, Flure, Scrubb บลา ๆ ๆ ม.ปลายก็จบมาพร้อมกับ CD จำนวนมหาศาล

ส่งท้าย
จะเห็นว่า Entry นี้แทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับ SuckSeed เลยแหะ คือ ไม่อยากวิจารณ์หนังทำไม่เป็น ไม่อยากด้วย แต่เรื่องนี้ดูแล้วชอบสุดของ GTH แล้วรองมาก็ Season Change เพราะเอาเด็กโรงเรียนผมไปเล่นเป็น Extra เยอะเลย สถานที่ถ่ายทำนิก็ใกล้ ๆ กัน ตอนไปดูก็ปลื้ม นาถ ไปพักใหญ่ ๆ ส่วน SuckSeed หลังดูจบไปรื้อ CD เก่า ๆ มาฟังเต็มเลย เพลงสมัยนั้นรู้สึกว่าดีกว่าตอนนี้เยอะ ดูมีอะไรหลากหลายดี เพลงที่เล่นในหนังเคยฟังมาก่อนทุกเพลงมีเกือบหมดทุกอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็น
  • Modern Dog เสริมสุขภาพ ที่มีเพลง ก่อน กับ บุษบา
  • Bodyslam Believe ที่มีเพลง ความเชื่อ แต่อัลบั้มนี้ซื้อมาเพราะเพลง ขอบฟ้าเลย ชอบมาก
  • Big Ass Seven ที่มีเพลง น้ำตา แต่ซื้อเพราะเพลง ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก กับ เพลง เล่นของสูง แต่อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ชอบมากที่สุดของ Big Ass เลย
  • Silly Fools Candyman ที่มีเพลงเพียงรัก แต่ที่ซื้อเพราะเพลง น้ำลายที่อยู่คนละอัลบั้มนู้น เนื่องจากหลังจากฟัง Silly Fools แล้ว ชอบเลย เลยตามเก็บอัลบั้มเก่า ๆ ทั้งหมด
  • มี Paradox HitMe ด้วย ได้ฟังเพลงฤดูร้อนก็ตอนนั้นเลย ชอบมาก ๆ
Entry นี้พล่ามมาเยอะแล้ว ขอจบเพียงเท่านี้ Zzzzz....

ปล. ข้องใจอย่างว่าทำไมมีแต่คนบอกว่าเห็นการ์ดบลูอายที่คุ้งถือมาตัดทำปิก แต่ผมละเห็นเป็น Redeye BlackDragon ท่าทางต้องไปดูอีกรอบแหะ

รูปปก CD เพลงทั้งหมดที่โดนกล่าวถึงใน Blog
(ตกหล่นบ้าง ขออภัย)

ตั๋วหนังที่ไปดูมา ที่บ้านเกิด หนองคาย 50 บาทเอง


MV ซักซี้ดนึง

เริ่ม Blog อันใหม่ ต้อนรับการฝึกงาน

 สำหรับการฝึกงานที่จะมาถึงในวันที่ 1 เมษา นี้ ได้คิดว่า Blog เก่าที่เคยเขียนในวิชา Innovative Thinking มันใช้ยากทีเดียว แล้วไปเห็น clip อันนึง ซึ่งเป็น clip แนะนำ feature ใหม่ของ blogger แล้วมีความรู้สึกว่าน่าใช้กว่าของเดิมแหะ แถม blog อันเก่าดันมีเรื่องที่ทำให้ไม่ชอบซะแล้ว เลยเปลี่ยนมาขทำอันใหม่ดีกว่า ต้อนรับการฝึกงานไปเลย

ก่อนฝึกงาน
ก่อนฝึกงานนี้ก็ได้กลับบ้านมาพักผ่อน พร้อมทั้งไปทำใบขับขี่ และก็ได้ไปดูหนังเรื่อง SuckSeed ด้วย มาว่ากันถึงวันที่กลับบ้านกันเลยดีกว่า


ก่อนหน้าวันนี้ประมาณ 1 สัปดาห์
เป็นสัปดาห์ที่กลับมาบ้าน แถมยังไม่ได้ทำอะไรเลย อากาศหนาวมาก ๆ อุณหภูมิ 14-15 องศากันเลยทีเดียว วัน ๆ ก็นั่งเล่นคอมแล้วก็นอน เป็นกิจวัตรเลย

ช่วงสัปดาห์ต่อมา
สัปดาห์นี้อากาศดีขึ้นแล้ว ก็ได้ออกไปเล่นบงเล่นบาสบ้าง แล้วก็พร้อมที่จะไปทำใบขับขี่กันแล้ว โดยการทำใบขับขี่นั้น ต้องเตรียมหลักฐาน 2 อย่างเท่านั้น คือ
  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  2. ใบรับรองแพทย์
สำหรับใบรับรองแพทย์นี้ ต้องมีอายุก่อนวันสอบไม่เกิน 1 เดือนด้วย รูปถ่ายเห็นมาว่าแต่ก่อนต้องใช้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เค้าถ่ายให้เหมือนบัตรประชาชนเลย ตอนแรกว่าจะไปตอนวันจันทร์แต่ดันเพิ่งรู้ว่าต้องใช้ใบรับรองแพทย์ เลยต้องไปโรงพยาบาลก่อนแล้วคิดว่าจะไปทำใบขับขี่ ปรากฏว่าเค้าปิดรับสมัครตอน 10 โมง ไปไม่ทัน วันนี้เลยได้แค่ไปขอใบรับรองแพทย์ วันต่อมาก็ได้ไปทำจริง ๆ

ไปถึงก็ไปยื่นหลักฐาน ให้ Counter ตามป้าย แล้วเค้าก็เอาหลักฐานเราไปแม๊กซ์ติดกัน แล้วก็ให้บัตรคิวเรามาได้เลข 13 มาหละ แล้วก็ไปนั่งรอที่ชั้น 2 รอถึง 9 โมงครึ่ง เค้าก้ให้เข้าห้องไปทดสอบซึ่งที่สอบของเราเองมี 2 อย่างนั้นคือ
  1. ทดสอบตาบอดสี
  2. ทดสอบปฏิกิริยาของเรา
สำหรับการทดสอบตาบอดสีนั้น เค้าก็มี poster อันนึงมีสีหลาย ๆ สีในนั้นแล้วก็จิ้มสี แดง เหลือง เขียว แล้วบอกให้ถูกว่าเป็นสีอะไร หลังจากนั้นก็ ผ่าน
แล้วก็ไอ้ปฏิกิริยานิก็จะมีคล้ายเกม arcade แข่งรถ มาให้เหยียบ เหยียบไปซักพักมันจะขึ้นไฟแดง ต้องเหยียบเบรคให้ทัน เราก็เกือบเหยียบไม่ทัน ผ่านเป๊ะเลย อย่างเกร็ง
หลังจากนั้นก็ไปเค้าห้องอบรมเปิด dvd ให้ดู นั่งฟังไปง่วงไป พอจบแล้วพี่ที่คุมสอบก็เข้ามาเปิด power point เรื่องป้ายจราจรให้ดูก็นั่ง ๆ ฟังไป หลัง ๆ มีบอกข้อสอบด้วย ใจดีจริง ๆ แลวก็ปล่อยตอน 11.45 บอกไปพักเที่ยงเจอกันอีกที 12.45 ไอ้เราเลยกลับบ้านไปหาข้าวกิน มื้อนั้นเป็นส้มตำของโปรดต้องตำลาว กลับมาก็ไปสอบ โดยสอบนั้นจะสอบผ่านคอมเป็นคล้ายเกมจับผิดตามห้างเลยกด ๆ ไป 30 ข้อต้องได้ 23 ข้อถึงจะผ่าน เราเลยจัดไปเสร็จคนแรกของห้องเลยได้ไป 27 คะแนนสบายไป แล้วก็ไปรอสอบขับจริง รอเป็นชั่วโมงกว่าเค้าจะมาสอบให้ ตอนสอบไม่มีอะไรเลย มี 3 ฐานต้องผ่านหมด มีฐาน
  1. ขี่ตามป้าย มีป้ายหยุดก็หยุดมีเลี้ยวก็เลี้ยว
  2. พ้นฐานหนึ่งเจอฐาน 2 ขี่ซิกแซกผ่านกรวยจราจรที่วางห่างกัน 5 เมตรตามเค้าบอก
  3. ผ่านไปเจอฐาน 3 ตัวบนเส้นนูน ๆ ยาว 10 เมตรมั้ง เวลาต้องอยู่บนนั้น 10 วิ แต่ช่างมันเถอะ
ตอนแรกนึกว่าจะโหดที่ไหนได้ปล่อยพร้อมกันผ่านหมด ทั้งที่เราทำฐาน 3 ไม่ผ่าน แต่มันปล่อยพร้อมกันยาก ๆ ไงไม่รู้แต่ก็ผ่านมาได้ แล้วไอ้ตอนที่รอก็มีพี่คนนึงเข้ามาทัก แล้วก็ได้คุยกัน ถามนั้นถามนี้ไปเรื่อย ได้ความว่าพี่เค้าเป็นคน อ.ศรีเชียงใหม่ ทำงานกรุงเทพ มาต่ออายุ แต่ดันต้องสอบใหม่ มีแฟนแล้วอยู่กรุงเทพ ทำงานอยู่ พี่เค้าก็บ่นว่าสั่งงานโหดจังบริษัทที่ทำงาน ประมาณนี้แต่โดยรวมก็ดูเป็นคนดีนะ หลังจากสอบเสร็จก็ไปนั่งรอรับใบขับขี่และจ่ายตัง ระหว่างนั่งรอเค้าก็เรียกไปจ่ายเงินทั้งหมด 155 บาท จะบ้ามีติดตัว 150 บาทเลยวิ่งกลับไปที่รถไปเอาตังออกมาเพิ่มซะ หลังจากกลับมาพี่ที่เจอกันตอนนั้นก็บอกว่าทำไมไม่บอก 5 บาทเองประมาณนี้ เราตอนแรกก็คิดว่าจะยืมหรอก แต่เกรงใจ แล้วไปเอามาเผื่อด้วยก็ดีเลยไปเอามา พอเข้าไปก็ถ่ายรูปรอ print บัตรออกมาแล้วก็บ้าย บาย พี่เค้าแล้วก็กลับบ้าน ดีใจได้ใบขับขี่แล้ว หลังจากก่อนมาหนองคายดันยืมมอ'ไซค์เพื่อนแล้วไปเฉี่ยว ดวงยังดีเจอคนใจดีที่บอกว่าไม่เอาเรื่องเห็นเราไม่มีใบขับขี่มั้ง หลังจากนี้สบายแล้ว ส่วนเรื่องดู SuckSeed ไปเขียนอีก Entry ดีกว่ายาวเกิน

 อันนี้ VDO ที่ทำให้หันมาลอง Blogger

 ใบขับขี่จ้า สอบมาได้ด้วยความรู้สึกว่ามันง่ายเกินแปลก ๆ
ลายด้านหลัง เป็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาวด้วยสวยดี

Poster SuckSeed ที่จะว่ากันใน Entry ต่อไป 
นางเอกน่ารักมาก ๆ ตัวหนังทำให้นึกถึงวัยเด็กหลาย ๆ อย่างเลย