วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความคิดเห็นของผม เรื่องเลื่อนเวลาเปิดเทอม

ช่วงนี้กระแสใน facebook twitter google+ แล้วเห็นว่า เรื่องเปลี่ยนเวลาเปิดเทอมนิมันดูเป็นประเด็นร้อนแรงเลยทีเดียว เอาเป็นว่าจะมาลองดูข้อดีข้อเสียกันดีกว่า

เวลาเดิม
ข้อดี
เด็กไม่ต้องทนร้อนเวลาเรียน อากาศกำลังดีเย็นสบาย
มหา'ลัยประหยัดค่าไฟไปเยอะ อากาศดีไม่เปลีองค่าไฟมาก
เด็กที่ช่วยพ่อแม่เก็บผลไม้ ก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานนี้
เวลาไปทริป ค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกกว่าปกติ เพราะเป็น low season

ข้อเสีย
ตอนหน้าฝน ฝนตก น้ำก็ท่วมเดินทางไปเรียนก็ลำบากเป็นบ้า ตกทีไม่ได้ไปไหนกันเลยทีเดียว
การแลกเปลี่ยนนักเรียนกับต่างประเทศลำบาก เพราะเปิด-ปิดไม่ตรงชาวบ้านเค้า
เด็กมีเวลาไปแว๊นซ์ตอนปิดเทอม เพราะหน้าร้อนมันไม่มีอะไรทำ

เวลาใหม่
ข้อดี
วันพ่อวันแม่ตรงกับวันหยุดพอดีเดะ อยู่บ้านตอนนั้นหละดีเลย
แลกเปลี่ยนนักเรียนง่ายขึ้น เปิด-ปิดตรงชาวบ้านเค้าพอดี
รียูเนี่ยนกับเพื่อน ๆ ทีไปเรียนนอกได้ง่ายขึ้น เพื่อนมันปิดตรงกัน
ไม่ต้องเหนื่อนเดินทางฝ่าฝนไปเรียน ไม่ต้องมากังวลเรื่องภัยน้ำท่วมบ้าบอแล้ว
หน้าหนาวนอนชิวไปดิ ปิดเทอมอยู่บ้านสบาย ๆ
พ่อแม่ที่ทำการเกษตรสบายขึ้น ลูก ๆ อยู่ช่วยงานได้ เย้ ๆ
อาจจะลดจำนวนเด็กแว๊นซ์ลงไปก็ได้ ฝนตกมันจะยังแว๊นซ์กันอีกหรอ
อาจารย์ไม่ต้องลำบาก เพราะ inter กับภาคไทย มันเปิดกันคนละเวลาแล้ว
กีฬาเฟรชชี่ตอนเปิดมาฝนน่าจะตกน้อยลงแล้ว ไม่ต้องรับน้องกลางฝนแล้ว เฮ้
ปิดเทอมเที่ยวทะเลถูกลงเยอะ low Season!!!
ข้อเสีย
ถ้าพวกมัธยม ประถม มันไม่เปลี่ยนด้วยนะ ฉิบหาย
ตอนเริ่มเปลี่ยนนิ มันจะมีเด็กได้หยุด 6 เดือนเลยนะ นานเกิน
สำหรับคนจีบสาว คุณหมดโอกาสกางร่มไปส่งสาว ๆ แล้วหละ ฝนมันไม่ตกหละ!!!
year plan สำหรับหลาย ๆ ที่ พังกระจุย
การรับทำงาน คงงงมากขึ้นจากการที่มันเปลี่ยนเวลาเปิดซะ
สงกรานต์ยาว ๆ ได้หายไป ท่าทางช่วงนั้นอาจมีสอบได้
ทริปแพงไปนะจาน

ตอนนี้คิดออกแค่นี้แหะ คิดออกเพิ่มจะมาเพิ่มแล้วกัน

แต่จากที่เขียนมาคงเห็นแล้วหละ ว่าผมเห็นด้วยที่เปลี่ยนเวลาเปิด

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ว่าง ๆ นึกอยากเขียน

วันนี้นั่งคิดเล่น ๆ ว่าทำไมมันก็เกิดเบื่อ ๆ ขึ้นมา หลังจากสัปดาห์ที่แล้วยังปวดหัวกับงานอยู่เลยได้พัก สบาย ๆ ดันเบื่อซะงั้น แต่จะว่าไปคนเรามันก็ยังงี้หละ มีงานอยากพัก เวลาพักอยากทำงาน ไม่พอดีเลยซักอย่าง ถ้าเราสามารถตั้งเป้าหมายบางอย่างในชีวิตได้ก็คงจะดี ว่าง ๆ นั่งทำ Vision Board ใหม่ดีกว่าแหะ น่าจะได้เรื่องได้ราวมกขึ้น กับชีวิตที่ไม่ได้วางแผนอนาคตไว้มากมาย มีแค่แผนระยะสั้น ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ เอง เรื่องจริงก็มี Vision Board อันเก่าที่ทำตอนเรียน Innovative Thinking อยู่แหะ ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ -_- ยังดีที่ยังมีรูปใน facebook อยู่ ถ้าลองทำใหม่อยากจะรู้เหมือนกันว่าความคิดตัวเองตอนปีที่แล้ว กับปีนี้มันแตกต่างหรือเหมือนกันขนาดไหน น่าสนุกดี
วันนี้ไปงานรับปริญญาพี่รหัสตอนอยู่ Mwit มาด้วยแหะ จบมาเก่งมากเลยทีเดียว ได้เหรียญทองมาคล้องคอ โห เท่สุด ๆ ไม่ได้เจอหน้านานมาก เจอก็ได้แปปเดียว หวังว่าคงได้เจออีกตอนราตรีศรีตรัง
พอหละ เวิ้นเว้อมาเยอะ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พล่ามไร้สาระ กับ Arrietty

ได้มีโอกาสไปดู Arrietty มา ก็อยากจะพูดถึงมันซักหน่อย
จุดเด่น
เพลงเพราะ
ไร้ Climax
เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี
จุดด้อย
แอบน่าเบื่อไปบางช่วง

หลังจากดูจบได้มาคิดถึงประเด็นเรื่อง การแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ การไม่เชื่อใจกัน คิดไปเองก่อนว่าไอ้นี้ตัวร้ายชัวร์ ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันเลยซักนิดเดียว

เห็นได้จากการที่พ่อของ Arrietty กลัวมนุษย์มาก ๆ และไม่ติดต่อกับมนุษย์เลย ถึงแม้จะไม่เคยสัมผัสมาก่อน ส่วนคนใช้ของบ้านโชนั้น ก็คิดแต่เพียงว่าเขาเป็นเพียงเผ่าพันธุ์ ๆ นึงที่มาขโมยของ แล้วก็หาทางกำจัด

และหลังจากไปดูหนังเสร็จ ได้เข้าไปใน pantip.com อ่านความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง Arrietty มีความเห็นนึงชอบมาก ๆ ว่าไว้ว่า


 ความคิดเห็นที่ 8  ติดต่อทีมงาน
ตอนที่ดู ก็ติดใจคำว่า ยืมโดยไม่คืนเหมือนกันครับ
แต่พอมาคิดกลับไป กลับมา จากปากของ เด็กผู้ชาย

มนุษย์เรา เองต่างหาก ที่สมมติตัวเองว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในธรรมชาติ
ทั้งๆที่สิ่งมีชีวิตหลากหลาย ก็ใช้ร่วมกันอยู่โดยไม่ได้แอยอ้างเลย

หากมองในมุมธรรมชาติ มนุษย์เราเอง ก็หยิบมาโดยไม่ได้ขอเช่นกัน^^

แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 54 08:09:34

จากคุณ: himajin006  
เขียนเมื่อ: 1 ก.ค. 54 08:08:41 
ถูกใจ: นางาเสะจังITEMPทุเรียนกวน ป่วนรัก

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day7-9: On Your Marks Set ปังงงงงงง!!!

หลังสงกรานต์มาไม่ได้เขียนเลย สะสางกันซักหน่อย เดี๋ยวจะลืมว่าวันนี้ วันนั้นมีไรบ้าง

Day 7:
วันนี้เป็นวัน_____ มากไม่มีอะไรทำเท่าไหร่เลย เหมือนนั่งอ่านนั้นอ่านนี้เกี่ยวกับ Objective-C รอประชุมตอน 5 โมงเย็นชัด ๆ กว่าจะเลิกวันนี้ก็ทุ่มเลยทีเดียว อีกทั้งวันนี้เป็นวันที่มาสายใช้ได้เลยกว่าจะเข้าก็ 8 โมงครึ่งแล้ว แต่ก็เอาเถอะวันนี้มัน_____ จริง ๆ วันนีมีนเอา Image Mac OS X ของ VirtualBox มาให้ลงด้วย ลงกันรันได้หลายคน แต่เราดันไม่ได้แหะ จนประชุมเลย เซ็งกันไป กลับหอมาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากลง Windows ใหม่ซะเลย Blue Screen บ่อยเหลือเกิน


Day 8:
วันนี้มาสายสุดตั้งแต่ฝึกงานมากว่าจะเข้างานนิ 09.45 ได้ เลยตั้งเป้าไว้ว่าจะไม่สายขนาดนี้อีก ทางที่ดีก็ไม่สายเลยดีกว่า วันนี้ก็ต่อมาจากเมื่อวาน คือมานั่งลง Mac OS X ใน VirtualBox ให้ได้ และแล้วก็ได้เริ่มลงใหม่หมดเลย นานมากยันบ่าย ตอนบ่ายพี่เค้าก็เรียกไป assign งานให้ ก็ให้ทำ Documents เรื่อง Objective-C หรือ วิธีใช้ Component ต่าง ๆ แล้วแต่เค้ามอบหมาย เราได้เรื่อง Objective-C ก็ไปนั่งอ่าน ๆ แล้วก็หมดไปวันนั้น แล้ววันนี้ก็ได้ไปพันธุ์ทิพย์ เอา nb ไปติดฟิล์มจอด้านเนื่องจากไม่ไหวแล้วจ้อง nb ทั้งวันแสงเข้าตาปวดหัวสุด ๆ ตอนไปก็เดินหาอยู่นานเลยทีเดียว เวลาผ่านไปพักใหญ่ ก็ได้ไปเจอร้านนึงอยู่ชั้น 4 ก็ถามราคาได้มาว่ามี 2 ราคา 250 กับ 390 แต่ด้านเท่ากัน เราเลือก 390 เพราะท่าทางมันจะอยู่กับเราไปนานเลย เลยเอาดีสุดเท่าที่มี เค้าใช้เวลาติดนานใช้ได้เลย แต่ออกมางานโคตรเนี้ยบ โคตรชอบ ไม่เสียดายตังเลย แล้วก็กลับมานั่งไร้สาระ หมดไปอีกวัน

Day 9:
วันนี้ก็มานั่งอ่าน pdf เรื่อง Objective-C อ่านไปเรื่อย ๆ เค้างาน 9 โมง เนื่องด้วยตื่นสายและมัวกินข้าวเช้าก่อน อ่านไปเรื่อย ๆๆๆๆ จนบ่ายซักประมาณ 4 โมงอ่านจบก็นั่งเล่นก่อน 5 โมงไปหาพี่ที่มอบหมายงานให้ เค้าก็ให้งานมาอีกหนึ่ง แต่ไม่รีบ คือไปอ่านไฟล์ xml มา แล้วก็ Code Objective-C ที่ทำตัวเหมือน Servlet แล้ววันนี้ก็กลับมาหอ จัดการเรื่อง Mac ใน VirtualBox ไม่เต็มจอ และแล้วก่อนที่จะมาเขียน Blog ก็ทำได้สำเร็จ สะใจสุด ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day 6: จาก Java สู่ Apple

กว่าจะได้เขียน ต้องนั่งปรับอารมณ์ซักพักใหญ่ ๆ เลย อยู่ดี ๆ ก็สั่งให้เขียน app Ipad ซะงั้น อย่างงงกันเลยทีเดียว
วันนี้ไปถึงที่ทำงานก็ไม่ได้ทำอะไรนั่งอ่าน Java Server Faces ไปเรื่อย ๆ กะว่าจะต่อยอด project ที่ทำ ๆ อยู่ขึ้นไปซักหน่อย อ่านไปซัก 10 โมงกว่า ๆ พี่ที่ฝึกงานก็เรียกไป ตอนแรกก็งง ๆ เรียกไปทำไม เข้าไปถึงห้องประชุมเค้าก็บอกมาให้เขียน app internet bank บน ipad โดยฟอร์มทีมจุฬาฯ ล้วนมา 6 คน มี ปั๊ป บอส มีน แบงค์ อีกคนนึงจำไม่ได้ และ ตัวเอง เค้าก็บอกว่าไม่มี mac ให้ใช้เลย ต้องลง vmware แล้วจะมี ram มาเพิ่มให้ แต่ไม่ได้ให้ไปเลย ต้องคืนหลังฝึกงานเสร็จ ตอนแรกก็เซ็ง ๆ เราก็อ่าน java มาซะเยอะ พอประชุมเสร็จก็ยังทำไรไม่ค่อยได้ เพราะตำรงตำราก็ไม่มี เลยนั่งอ่าน java ต่อไป ซักพักมีนก็มาเก็บข้อมูลเรื่อง ram แล้วก็แบ่งงานมีออกแบบ interface กับเขียน code เราก็เลือกเขียน code ไปเพราะดูท่าทางน่าสนุกดี แล้วก็นั่งอ่าน java เล่นไปเรื่อย ๆ หลับบ้าง แล้วก็กลับบ้านอย่างเร็ว เพราะว่างเหลือเกิน วันนี้เซ็ง ๆ เลยไปนั่งดูหนังซะ ตอนออกจากโรงเจอแต่ cp34 เต็มเลย เรารู้จักพี่คนนึงก็เข้าไปทักแล้วก็กลับหอพักผ่อน

จะว่าไปตอนนี้ก็ยังไม่ได้อ่าน Obj-C เลยแหะ แบบอารมณ์วันหยุดไม่อยากทำอะไรเท่าไหร่เลย ปวดตาอีกตั้งหาก เหอ ๆ จบหละ entry นี้

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day6: วันที่ Project เสร็จ และ น้ำประปาที่หายไป

ว่าถึงวันศุกร์ที่ลืมไปซักนิดว่า วันนั้นได้นั่งรถไฟฟ้าไปสุดสายด้วยแหะ ถึงวงเวียนใหญ่เลย นึกไรไม่รู้ แค่รู้สึกว่าวันนั้นวันศุกร์ และว่าง แล้วสถานีที่จะลง ทางออกโดนบัง เลยนั่งยาวไปเลย
@ KCS
ว่าถึงวันนี้ วันนี้เป็นัวนที่นั่งเพิ่ม code ให้สมบูรณ์ พร้อมกับเก็บ bug ตอนแรกกะว่าแค่ครึ่งเช้าคงเสร็จ แต่ทำไปทำมายันเย็นเลยทีเดียว bug ไรไม่รู้เยอะแยะ บาง bug ซัดไปเกือบ 2 ชั่วโมงเลย เหอ ๆ เซ็งกันไป แต่พอเสร็จแล้วก็ Happy แหะ รู้สึกได้ความรู้เรื่อง web app เพิ่มขึ้นมาเยอะเลย แล้วก็ได้รู้ว่าไม่ควรรัน project ตอนติดต่อกับ database ผ่าน ide อยู่ เพราะพอ disconnect ระหว่าง ide กับ database ปุ๊ป bug ได้หายไปแทบจะทันที 55+ งานก็เสร็จแล้วเค้าก็บอกว่าให้ศึกษา JSF ไว้ซะ ตอนแรกคิดว่ากลับมาจะอ่านนะ แต่ไม่ไหวแหะ หมดปัญญาเพ่งคอมไปเลย ตอนพิมพ์อยู่ก็มองแต่ keyboard หน้าจอไม่ได้มองกันเลย
@  My หอ
กลับมาหอปุ๊ป พบกับข่าวร้ายใหม่ปั๊ป น้ำโดนตัด ลืมจ่ายค่าหอ เซ็งเป็ด ต้องรอวันพรุ่งนี้กว่าจะจ่ายได้  แล้วถ้าน้องที่อยู่ห้องเดียวกันไปเรียนสายหน่อยนะ คงไม่ได้จ่ายกันพอดี เพราะเลิกงานมาเค้าก็กลับไปหละ ก่อนไปฝึกเค้าก็ยังไม่มา คาวนี้เครียดเลย จะเข้าห้องน้ำทำไงดีวะเนี่ยะ อย่างตอน 2 ทุ่มปวดฉี่ ต้องไปฉี่ถึง lotus 55+ คิดแล้วก็ตลกดีแหะ แล้วพรุ่งนี้เช้าอาบน้ำหละ ทำไงวะ นั่งคิดไปคิดมา ตอนแรกความดีก็เข้าข่ม ไปเติมนงเติมน้ำ จากข้างล่างที่เป็นตู้กด กดได้แค่ 7 ลิตร คิดหนัก จะอาบน้ำไงวะ นิดเดียวเอง ทันใดนั้นเอง ความชั่วร้ายได้เจ้าครอบงำ หาทางเปิดวาว์ลให้ได้ แล้วกะว่าตอนเข้าจะปิดให้ ขอให้ได้อาบน้ำก่อนแล้วกัน งั้นเน่าตาย คิดได้ดังนั้น ก็ไปรื้อเครื่องไม้เครื่องมือมาทันที ลองเอาประแจไปขัน ไม่ได้แหะ เพราะประแจใหญ่ไป เอาคีมไปหนีบหมุนดูไปได้แหะ ลองไปซักพักใหญ่ ๆ นึกได้ มีน้องห้องนึงกลับบ้านนี้หว่า นึกได้ดังนั้น จัดเลย เอาประแจไปขัน ตัวที่เอาไว้หมุนเปิดววาล์วมา 555555+ เสร็จกูแล้วหละ หละแล้วก็มีน้ำอาบน้ำตอนเช้า หลังจากนั้นอารมณ์ดีเลยมานั่งเขียน blog เก็บไว้เลย หวังว่าพรุ่งนี้จะ Happy Ending :D

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day 5: MVC กว่าจะเข้าใจ Servlets+JSP

กว่าจะได้ up เพราะติดมานั่ง Code ให้มา งานก็สนุกดีนะ แต่เหนื่อยฉิบ ไม่เคยเขียนแม้กระทั่ง html ต้องมาเขียน web app ปวดหัวสุด ๆ มาว่ากันถึงเรื่องฝึกงานดีกว่า

วันนี้เป็นวันที่เลทอีกตามเคย แต่เฉย ๆ หละเพราะรู้สึกได้ว่า ตื่นเช้าแบบงัวเงีย กับตื่นสายมาหน่อย แต่เฟรชขึ้นอีกเยอะ ขอเอาแบบหลังดีกว่า วันนี้ก็ไป BTS ตามสูตร และเป็นวันที่โชคดีที่รอ BTS ไม่นานเลย ลงจาก BTS เพลินจิตก็เจอปิง มาถึงก็จะ 08.00 แล้วนะ แต่ก็ยังชวนกันไปกินข้าวอยู่ดี เนื่อง้วยถ้าไม่กินข้าวคงจะหงุดหงิดคิดอะไรไม่ออกกัน กินเสร็จเข้างานเกือบ 08.30 ก็ ok มาถึงก็เริ่มทำ porject เล็ก ๆ ที่เค้าให้เลย ทำไปทำมาชักงง ก็ทำกันไป แปป ๆ เที่ยงหละ กินข้าว ขึ้นมา โค้ดต่อทำไปซักพักใหญ่ ๆ เลยมีปัญหามากมายมหาศาล แบบคนยังไม่ค่อยเข้าใจ servlets jsp แค่รู้จักกันผิวเผิน เลยไปถามพี่เลี้ยง หลังจากซักถามแล้วก็เก็ทกันเลยทีเดียว แล้วยังได้รู้ว่าตัวเองอ่านหนังสือยังไม่พอจริง ๆ ข้ามนั้นช้ามนี้ Model View Controller (MVC) ก็ไม่รู้จัก จะบ้าตาย เลยรื้อเลยเอาใหม่หมด ก็นั่งทำไปซักพัก จนเลิกงาน กลับบ้าน โค้ดต่อ การ์ตงการ์ตูนที่บืมไว้ไม่ได้คืนกันเลย แบบไม่อยากไปไหนหละ ทำไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนที่เขียน Blog มันก็ยังไม่เสร็จ
จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: อย่าเพิ่งลงมือ code เลยถ้าความรู้ยังไม่แน่นพอ
เรื่องจริงก็วางแผนไม่ดีด้วยแหะ แต่ไม่รู้จะเอาความรู้อะไรมาวางแผนอยู่ดี เขียนไปเรื่อย ๆ รู้เรื่องขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่า JSF คงง่ายนะ

นอกประเด็นหน่อยนึง: ตนถามพี่เค้าถามแถมไปด้วยว่ามีโอกาสได้ออกไปนอกสถานที่บ้างมั้ย ได้คำตอบมาว่าขึ้นอยู่กับฝ่าย hr พี่เค้าไม่รู้เหมือนกัน ถ้าได้ดูอาจจะได้ไปพิบูล ต้องลุ้นกันต่อไป

สุดท้าย: จบฝึกงานไปนิ ท่าทางจะได้ไอเดีย senior project มาอื้อ : D Happy Happy

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day 4: Finallly, I met JSF.

ว่ากันด้วยเช้าวันที่ 4 วันนี้เลทอีกหละ แต่ยังดีเลทนิดเดียว ส่วนวันนี้ BTS ถูกใจ รถโล่งมากจังหวะที่ได้ขึ้น ข้าวชงข้าวเช้าก็ไม่ได้กินกัน เริ่มวันนี้ไปรีบจัดเลย JSP มันต้องจบ
เริ่มมาก็ทำเลย ทำไปเรื่อย ๆ เดินไปเดินมากินกาแฟบ้าง กาแฟวันนี้ถือว่าชงได้ดีอร่อยเลยหละ ใกล้ ๆ เที่ยง JSP แต่ท้องนิร้องเตือนจังเลย ซักพักพวกปิง ปั๊ป ฯ จากฝั่งนู้นเดินมา ถือว่ามาได้ถูกจังหวะเลยทีเดียว หิวสุด ๆ
ข้าวเที่ยงวันนี้เป็นไก่ต้มน้ำปลาที่เล็งไว้แต่เมื่อวาน เลยจัดไปครึ่งตัว แต่วิธีกินนิแย่ไปหน่อยแหะ ชงช้อนดันไม่มีให้ ต้องใช้มงใช้มือ กินเสร็จรีบมาต่อเลย
และแล้วซักบ่าย 2 ก็ได้ขึ้น JSF ซักทีตามชื่อหัวข้อ เริ่มมาก็อ่านที่พี่แม้ดให้ก่อนเลย อ่านไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ เลยเข้า google ซะ ตัวช่วยชั้นยอด แล้วก็ได้ภาษาไทยมาอ่าน ดีขึ้นแหะ อ่านรู้เรื่องขึ้นมาเยอะ ก็นั่งทำไปทำมา แล้วได้อ่านเจอว่า netbeans มันใช้สร้าง GUI แบบ drag-and-drop ได้ น่าสนใจ โหลดมาไว้ตั้งนานแล้ว ต้องลอง ลองทำตามดูอ้าวเวน ดันไม่มีแบบที่ใน web บอกไว้เลยแหะ เลยไม่รู้จะทำไง นั่งอ่านนั้นอ่านนี้ไปเรื่อย ตอนจะกลับพี่กังมาคุย เลยได้คำแนะนำเรื่อง JBoss Developer มา
แล้วก็กลับบ้าน กลับมาว่าจะอ่านต่อ แต่ลองอ่านไปซักพัก ไม่ไหวแหะ หัวตื้อไปหมด เลยนั่งเล่นไปเรื่อย แล้วใกล้ ๆ 3 ทุ่ม คิดได้เอาการ์ตูนไปคืนดีกว่า แล้วก็มานั่งคิดว่าทำไมรู้สึกตัวเองบวมขึ้นวะ เอาวะ ข้าวยง ข้าวเย็นไม่กินดีกว่า พระท่านยังไม่ฉันกันเลย เราคงไม่เป็นอะไร และแล้วก็หมดวัน
วันนี้จะว่าไปมันก็ไม่มีอะไรเลยแหะ นั่ง code ไปซักพักเที่ยง ซักพัก 5 โมง ติดบงติดบักไปเรื่อย ท่าทางจะเป็นอย่างนี้ไปซักพัก ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่แบบสุด ๆ กับ ภาษา Java เขียน Web แบบยกครัว

ปล. Entry นี้ไร้สาระสุด ๆ เลยแหะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day 2-3: Hello JAVA Family, my First Project and BTS Silom line

เมื่อวานลืมเขียนวันนี้เลยรวมซะเลย

04/04/11 (ฝึกงานวันที่ 2)
วันนี้พี่เค้าให้ลองรัน Servlet ที่มีใน slide ที่ให้ให้ผ่าน กว่าจะผ่านเล่นเอาซะเหนื่อย เพราะต้อง config นั้นนี้เยอะแยะ แต่พอทำเป็นแล้วไป JSP ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย ตอนแรกก็สงสัยว่าต้องรู้จัก Servlet ไปทำไม เพราะ JSP มันก็ gen ให้อยู่แล้ว พี่ที่ฝึกงานบอกว่า เราทำงาน หลังบ้านด้วย ถ้าทำ Servlet เป็นอะไร ๆ ก็จะสะดวกขึ้น สรุปเลยต้องรู้จักกับมันไว้ แล้วตอนที่ถามไปนั้น เกิดคำถามขึ้นมากมายเลยถามดู อย่างฝ่ายเราทำงานอะไรกัน เพราะตอนเข้ามาเห็นชื่อแผนกก็งง ๆ แล้ว พอถามไปก็ได้รับคำตอบมาว่า เราทำหน้าที่ติดต่อ ระหว่างลูกค้าที่เป็นบริษัททั้งหลาย กับ ธนาคาร ว้าวววววว น่าสนใจดีแหะ คำถามที่เหลือก็สัพเพเหระ ซะมากกว่า แล้วคุยเสร็จงานก็เลิกกลับหงกลับหอกันไป กลับมาก็จัดพิซซ่าถาดใหญ่ไป อิ่มเกินไปบางทีมันก็ไม่ดีแหะ ลำบาก แล้ววันนั้นก็ไม่มีอะไรอีก มานึกได้ตอนจะนอนว่าลืมเขียน Blog และ Diary คิดไปคิดมาพรุ่งนี้ดีกว่า แล้วก็หลับไป

05/04/11 (ฝึกงานวันที่ 3)
วันนี้มาสายเป็นวันแรก เพราะตื่นสายด้วยส่วนนึง อีกส่วนคือ BTS ยืนรอตั้งแต่ 07:40 ยัน 08:10 กว่าจะได้ขึ้นจาก ศาลาแดง ไป เพลินจิต กว่าจะเดินถึงบริษัทอีก 08:30 โว้ววว เลทมากเลยแหะ แล้วก็ขึ้นไปนั่งอ่าน JDBC ซะ อ่านไปซักพัก พี่ที่ฝึกงานมามอบหมายงานให้เป็น project อันนึง ใช้ความรู้ใหม่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น JSP JDBC JSF JDBC Servlet JAVA ในอดีต Database ที่เรียนมา SA นิดหน่อย ให้เวลา 1 สัปดาห์ ก็ยังดีนะพรุ่งนี้วันจักรี หยุดพักกันบ้าง แล้วตอนบ่ายก็ลองเล่น Oracle Access ให้ติดต่อกับ JAVA ตอนเรียน Database ดันไม่ได้ทำ ตอนนี้เลยได้จัดซะชุดใหญ่ ทำไปทำมา 5 โมงอย่างเร็ว นึกได้ยังไม่ได้จัดการเรื่องระบบฝึกงานเลยรีบทำซะ และแล้วก็เคลียร์ พี่ที่ฝึกงานก็แปลกใจ จุฬาฯมีงี้ด้วยหรอเนี่ยะ 55+ เราก็ได้ข่าวว่าระบบมันเรื่องมาก แต่ก็ไม่ได้บอกไปนะ แล้วก็รอดูกันต่อไป และแล้วกลับหอ "BTS สายสีลมขัดข้องค่ะ คาดว่าอีก 10 นาทีขะกลับมาใหบริการได้ตามปกติ" เยี่ยมไปเลย เอาอีกหละ ตอนเช้าได้บินมาทีหละ ไม่อยากได้ยินอีกแล้วเว้ย กลับรถเมล์ก็ได้(วะ) เลยกลับรถเมล์เลย แต่ก็ทำเวลาดีใช้ได้เลย 1 ทุ่มก็กลับมาอยู่หอหละ วันนี้ก็จบไป นั่งดูโดม-พลอยกันสบายใจเฉิบ ละครมันก็สนุกดีแหะ ไม่เหมือนกับ ละครไทยหลายเรื่อง จบแล้ววันนี้ก็มี ชิงร้อย ให้ดูอีก 55+ Happy Happy :D

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day 1: Shake Hand with JSP

วันนี้เป็นวันฝึกงานวันแรกเลย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ มีความคิดว่าจะจัดวันฝึกงานละ Entry วันนี้ประเดิมเลย เขียนไร้สาระมาก ๆ แต่ก็ชั่งมันเถอะ แต่งมากแล้วจะเหนื่อยซะเปล่า

เช้าตรู่
ตื่น 6 ครึ่งขึ้น BTS ไปลงเพลินจิตถึงตอน 07.45 แวะกินข้าวมันไก่ก่อนแล้วก็ไปที่ตึก พอไปถึงก็ไปเจอยามที่หน้าตึก เซ็นต์ชื่อปุ๊ป เค้าก็ให้บัตรนักศึกษาฝึกงานมาปั๊ป เข้าตึกขึ้นไปชั้น 2 นั่งรออยู่พักใหญ่ ๆ ก็มีพี่เข้ามาบอกว่า รอง อะไรซักอย่างติดประชุม เดี๋ยวพี่จะพูดแทน แล้วพี่ก็พูดไป ระหว่างนั้นก็ได้ดูรายชื่อตัวเองไปด้วยว่าอยู่กลุ่มไหน ตอนแรกเห็นขื่อตัวเอง ว้าว นี่มัน Harem ชัด ๆ เป็นผู้ชายคนเดียวใน 4 คน ที่เหลือผู้หญิงหมด แต่ตอนประกาศรวมจริง ๆ น่าอิจฉาพี่คนนึงจริง ๆ ได้ทำงานในกลุ่มคู่กับสาวสวยที่สุดของนักศึกษาฝึกงานชุดนั้นเลย พอพี่เค้าพูดเสร็จ ก็มีคนตามขึ้นไป คือแยกตามฝ่ายนั้นเอง ขึ้นไปซักพักก็ได้ถามชื่อเสียงเรียงนามคนในกลุ่ม ได้ความมาว่า มี สาวแว่น สูง ๆ ชื่อ "ยู้ฮู" อืม ชื่อ "ยู้ฮู" อึ้งไปพักนึง ต่อมาเป็น สาวธรรมดา ๆ เอกลักษณ์ไม่ชัดเจน จำชื่อไม่ได้แหะ ตอนกำลังเขียนเนี่ยะ ลืมซะงั้น อีกคนดูดีสุดในกลุ่มหละ ชื่อ "ฝน" เอกลักษณ์ชัดเจน แล้วก็รู้จักกับพี่ ๆ ที่คุม มีหัวหน้าใหญ่คนนึง พร้อมลูกทีม 3 คน คนแรกดูมีอายุหน่อย คนที่สองก็มีอายุอีกนั้นหละ แต่มีผมหงอกหน่อยนึงมั้ง แล้วคนที่ 3 ดูหนุ่มสุด ชื่อ พี่แม้ด แล้วมีพี่เลี้ยง ประมาณสวัสดิการหรือไรประมาณนี้อีกคนนึง เป็นสาวสูงวัย หลังจากนั้นเค้าก็ให้เลือกว่าอยากจะทำอะไร มีให้เลือกเป็นแนว ๆ อ่าน Document เขียน Diagram นั่ง Test Program กับอีกอันคือ Coding ซึ่งทั้ง 3 สาวเลือกอันแรกหมดเลย ส่วนผมเลือก Coding เพราะเกลียดการเขียน Diagram มาก ๆ ถ้าเจอหวังว่าคงน้อย หลังจากนั้นเค้าก็พาไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งที่นั่งผมนั้นอยู่ในหลืบยังไงไม่รู้ แล้วพี่แม้ดก็มาอธิบายว่า งานเค้าเกี่ยวกับอะไร ใจความประมาณว่า ใช้ JAVA 80% .NET 20% Phython 10% จำได้ยังงี้จริง ๆ ซึ่งมันเกิน 100% ไปแล้ว ตอนนั้นคงเบลอ ๆ แล้วพอบอกไปว่าเรียน JAVA เป็นหลักปุ๊ป เจอถามต่อว่ารู้ถึงไหนแล้ว ก็ไล่มาพื้นฐานจาว่า GUI 2 อันนี้ผ่าน พอถาม JSP ปุ๊ป ไปไม่เป็นเลย แล้วเค้าก็บอกว่าไรซักอย่างแล้วจากไป เราก็ไม่รู้จะทำอะไร ซักพัก โดนเรียกกลับไปชั้น 2 อีกที มีพี่แต่ละฝ่ายมาแนะนำตัว เสร็จก็ขึ้นไปนั่งคลำคอมต่อ เนื่องจากต่อ net ไปได้ คลำไปได้ซักครึ่งขั่วโมง ทนไม่ไหว ไปถามพี่เค้า เค้าก็มา set proxy ให้แล้วก็เที่ยงพอดี

พักเที่ยง
ตอนแรกมีความคาดหวังว่าอาจจะมีพี่มาเลี้ยง แต่ไม่แหะ ก็ไม่เป็นไรจ่ายกันเอง สบาย ๆ วันนี้พี่เค้าบอกจะพาไปกินที่แบงค์ ขึ้นไปก็ไปสั่งข้าวหมูกรอบมากิน รสชาติเฉย ๆ แหะ แต่ก็โอเคกินได้หมดหละ กินไปเสร็จ พี่เค้าก็เดินไปไหนไม่รู้ตาม ๆ กันไปถึงตลาดคนเยอะฉิบ จะมาทำไมวะ ซักพักพี่เค้าก็หายไป พวกจุฬาฯเราก็เข้า 7-eleven กัน เสร็จก็ขึ้นไปนั่งต่อ

บ่าย
ตอนบ่าย ก็มานั่งคลำ ๆ  JSP โหลด TOMCAT มาเล่น ตอนแรกว่าจะโหลด jboss แต่ไฟล์มันใหญ่เลยเอา tomcat มาเล่นก่อน เล่นไปซัก 2 ชั่วโมง โห อะไรวะเนี่ยะ งงมาก หลังจากนั้นพี่ก็มาถามว่าทำอะไรอยู่ ก็นั้นหละ เล่น tomcat อยู่ แล้วพี่ก็มาคุย ๆ ว่าลองเล่น ๆ ไปก่อนวันนี้ไม่มีอะไรมาก แล้ววันจันทร์จะเอาหนังสือมาให้ ถ้าเริ่มเขียนเป็น จะลอง assign งานให้ดู ก็นั่งเล่นต่อไป 5 โมงปุ๊ป ไม่มีความรู้สึกว่า 5 โมงเลยซักนิด ไม่มีใครกลับบ้านซักคน หลัง ๆ เริ่มไม่ไหวเดินไปคุยกับเพื่อน คือสภาพมันเริ่มไปหละ กลับมาไม่มีความคืบหน้าเลยขอพี่เค้ากลับเลย แล้วก็ไปรออีกฝ่ายนึง รอไปรอมานาน นึกได้ น่าจะลองไปถามว่ามีอะไรแนะนำให้อ่านมั้ย จะได้อ่านไปก่อน ก็ได้หนังสือมาเล่มนึงคือ Java Programming Volume III ของ ดร.วิษณุ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

ตอนเย็นถึงค่ำ ๆ
ว่างมาก เลยมาหาอะไรกินที่ MBK ซักหน่อย แล้วอารมณ์อยากหาอะไรอร่อย ๆ กิน เลยไปลงที่อาหารญี่ปุ่น นั่งปุ๊ปสั่ง ข้าวหน้าปลาซาบะ มารอนานไปนะ แล้วก็มารู้สึกว่าหิวอีกชัวร์ เลยจัด ราเมนผัดซอสใส่หอยแมลงภู่ มาอิ่มหน่ำแล้วกลับหอ ปั่นจักรยานออกมาคืนการ์ตูน แล้วก็กลับไปนอน แต่ก็นอนไม่หลับ ตอนนี้เลยมาเขียน Blog หวังว่าจบ Blog นี้คงจะหลับ ราตรีสวัสดิ์ Zzz...

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฝึกงาน Day -1: สำรวจเส้นทาง

เนื่องด้วยโอกาสก่อนฝึกงานอีก 1 วัน เลยจัด Intro มาซักหน่อย สำหรับวันนี้ก็ได้ไปเบิ่งที่ฝึกงานไว้รอ พร้อมทั้งได้ไปตามล่าหาอะไหล่จักรยานชิ้นสุดท้ายที่รอมานาน


เดินทางไป KCS
เริ่มที่คิดวางแผนไว้ว่าจะเดินทางโดย BTS เลยเริ่มเดินออกจากหอซึ่งอยู่แถว ๆ สน.บางรัก เดินมาขึ้นที่สถานีช่องนนทรี มาถึงจ่ายก่อนเลย 560 บาท 35 เที่ยว 30 วัน แล้วก็ขึ้นไปรอรถ เข้าไปถึงโอ้แม่เจ้า หลังจากไม่ได้ขึ้น BTS มาเกือบปีได้ รถใหม่นี้หว่า มีไฟกระพริบด้วยบอกว่าเราถึงไหนแล้ว แล้วเสาตรงกลางก็แยกมาเป็น 3 เสาน้อย ๆ เสียงก็ดัง แต๊ดดดดดด แทนที่จะเป็น ติ๊ด ๆๆๆๆๆ เหมือนก่อน แต่ถึงรถจะใหม่ แต่คนนั่งก็เหมือนเดิม ไม่เห็นจะลุกให้สาว ๆ ทั้งสาววัยนี้ หรือสาววัยนั้น นั่งกันเลย วัยรุ่นชายไทย หลาย ๆ คน เห้อออ เห็นแล้วก็เซ็ง ไม่รู้จะทำไง ไอ้เราก็ยืนเป็นประจำอยู่แล้ว ตอนนั่งนิก็เหลือบไปเห็น SE T707 มือถือรุ่นเดียวกันชัด ๆ มีคนใช้เหมือนกันด้วย ดีวะ เป้าหมาย คือ เพลินจิต ดังนั้น ซักพักก็ต้องลงที่สยาม แล้วก็ยืนรอรถซักพัก รถเก่านิหว่า เซ็งเลย นึกว่าจะเป็นรถใหม่ ก็นั่งกันไป ไม่ว่าจะเก่า จะใหม่ ถึงเพลินจิตก็ลง เดินไปที่สุขุมวิท ซอย 1 เดินเข้าไปซักพักก็เห็นตึก ถ่ายรูปมาแฉะ แล้วก็แวะเซเว่น ตอนแรกว่าจะกลับเลย แต่ไม่รู้จะกลับไงดีเดินไปหน้าซอยก่อนแล้วกัน ไอ้ตอนเดินมาไอ้คนที่เดินข้างหน้าก็สูบบุหรี่ควันโขมงเลย ไม่รู้ว่ากฏหมายไอ้เรื่องห้ามสูบในที่สาธารณะมันมีไว้ทำแมวอะไร เห้อ พอถึงหน้าซอยตัดสินใจได้ว่า จะกลับขสมก. มันง่ายกว่า ว่างด้วยที่กลับได้มีสาย 25 40 แต่ระหว่างที่รอมีสาย 48 ผ่านมา อ้าวสายนี้มันไปวรจักรได้นิหว่า ไปซื้ออะไหล่จักรยานได้เลย เลยจัดการขึ้นรถสาย 48 ไป

วรจักร สถานที่แห่งจักรยาน
ตอนลงจากสาย 48 นั้นเลยไปป้ายนึง ตอนรู้ว่าเลยก็รีบสอดส่องหาป้ายที่ใกล้สุด แต่ตอนมองเห็นกดลง รถเมบ์ก็ไม่จอดให้แหะ ตามสไตล์รถเมล์ไทยหลาย ๆ คัน ที่ดี ๆ ก็มี ก็เลยไปถามคนขับตอนติดไฟแดง พี่แกก็กดให้ลง ตอนลงเจือกไฟเขียวพอดีเยี่ยม แต่สกิลเราดี แต่นี้ซำบาย ลงเสร็จก็เดินย้อนกลับไป ถึงร้านจักรยาน จำชื่อร้านไม่ได้แหะ มีอาม่าคนนึงเฝ้าร้านอยู่ พอเราสั่งของเสร็จ แกก็โทรบอกลูกน้องแกให้ไปเอาของมาให้ ระหว่างที่รอแกก็มาชวนคุย เรื่องที่คุยก็เกี่ยวกับจักรยานซะส่วนใหญ่ แต่เราก็แค่ซื้อไปเปลี่ยน แล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องจักรยานอะไรมากด้วย เลยตอบไม่ทราบเป็นส่วนมาก 55+ แกอาจจะเซ็ง ๆ พอซื้อเสร็จก็จะกลับ แต่คราวนี้ไม่รู้เลยว่าจะกลับไง เลยจัดการโทรไป 184 ที่เป็นเบอร์สอบถามเส้นทางรถเมล์ ได้ความว่าต้องเดินไปที่ถนนเจริญกรุง จัดเดียวกับที่ลงนี่หว่า โหย เอาวะเดินก็เดิน ก็เดิน ๆ ไปขึ้นสาย 40 กลับมา ถึงจุฬาแวะเช่าการ์ตูน กลับหอ พักผ่อน จบการเดินทางของวันที่ -1 ของการฝึกงาน

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

งานหนังสือ แผ่นเพลง และอีก 3 วันฝึกงาน

วันนี้เป็นวันแรกที่กลับมากรุงเทพฯ กลับมาจากหมอชิต 2 ก็เล่นคอมนิดหน่อย แล้วก็นอนตื่นอีกทีเที่ยงเลย คิด ๆ ดูเลยไปงานหนังสือดีกว่า

การเดินทางไปงานหนังสือ
การเดินทางนั้นก็เหมือนคนหลาย ๆ คน นั้นก็คือ MRT นั้นเอง โดยผมนั้นได้ขึ้นที่สถานีสามย่าน เมื่อไปถึงดูคนน้อย ๆ ดีแหะ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันทำงาน คนทำงานก็ทำกันไป ผมว่างมาเที่ยวงานก่อนสบาย ๆ เมื่อเข้าไปงาน ก็เหมือนทุก ๆ ปี มีบริษัทขายหนังสือต่าง ๆ มาออกบู้ทมากมาย บู้ทก็เหมือนเดิมกับทุก ๆ ปีจะว่าไปมีคนบอกว่าข้อเสียของหนังสือมันก็มีนะ นั้นคือ หนังสือต่าง ๆ ที่ร้านขายหนังสือแทบจะขายไม่ได้ทันที ทุกคนรอไปงานหนังสือกันหมด จะว่าไปมันก็จริง แต่ก็ไม่รู้จำทำไงเหมือนกัน เพราะท่าไม่มีงานหนังสือ อาจจะไม่มีโปรโมชั่นลดถล่มถลายตามร้านหนังสือก็ได้ มาว่ากันต่อถึงภายในงาน วันที่ผมไปนิคนน้อยได้ทีเลย เดินไปเดินมาในงานสบาย ก่อนมางานก็มีความตั้งใจจะมาซื้อหนังสือ 2-3 เล่ม นั้นคือ
  1. "ติ้งกะตอย" ของ ไมเคิล มิชาลโค แล้วมี อาจารย์ธงชัย ซึ่งเป็นอาจารย์ในภาควิชาที่ผมเรียนเป็นคนแปล แถมเนื้อหาเกี่ยวกับด้านความคิดสร้างสรรค์ เลยไปจัดมาซักหน่อย
  2. "การ์ตูน SuckSeed" เหตุผลง่าย ๆ เลย ติดลมจากหนังมาอยู่ แล้วก็เจอคำพูดทำนองนี้ในเว็บบอร์ดหลายที่ นั้นคือ เมื่ออ่านแล้วจะเข้าใจในตัวเคมากขึ้น และ มันเป็นส่วนเติมเต็มของหนัง เท่านั้นเอง จึงเกิดความคิดที่ว่า ต้องได้มันมาแล้วหละ
  3. เป็น Option ถ้าไปดูแล้วน่าสนใจ ก็คงจัด นั้นคือ "ความสุขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้" เรื่องจริง กะว่าจะหาผลงานของคุณ ผมอยู่ข้างหลังคุณ มาอ่านซักหน่อยก็เท่านั้น ดู ๆ ไปเล่มนี้ดูน่าสนใจสุด เลยจัดมาซะ
พอได้ 3 เล่มนี้แล้วมีความคิดว่าจะแว้บไปดู abook ซักหน่อยแต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่า เนื่องจากยังมี CD เพลงอีก 3 แผ่นรออยู่ขืนไปบู้ท abook มีหวังกระเป๋าฉีก หลัง ๆ ขายแพงอยู่ด้วย abook เนี่ยะ ว่าแล้วเลยขึ้น MRT ต่อรถเมล์ ไปสยาม และดิ่งไป "ดีเจสยาม" ทันที

CD 3 แผ่น
พอถึงร้านปุ๊ปรู้ได้เลยว่าท่าทางเสร็จนี้คงกลับทันที เพราะเหนื่อยหละ ต้องไปพักผ่อนซักหน่อย เรื่องการซื้อนั้นไม่ยาก มีแผนมาแล้วว่า 3 แผ่นนี้ชัวร์
  1. ภูมิจิต : Bangkok Fever โหลดมาฟังแล้วชอบแหะ ชอบมากกว่าอัลบั้มแรกอีก ที่ซื้อเพราะอยากลอง แต่ Package ใหญ่ไปนิด แนวเพลงก็แปลก ๆ บอกไม่ถูก แต่เห็นว่ามี พิณ เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีด้วย เพลงที่ชอบมี เงินหมื่น โนเบล ด้วยความเคารพ แต่เค้าว่าถ้าฟังต่อ ๆ กันมันจะเป็นเรื่องเป็นราวเลย น่าสนใจ ๆ
  2. Sqweez Animal : ไม่มีที่มา อัลบั้มที่แล้วไม่เขียนชื่อบนปกยังไง อัลบั้มนี้ก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่รู้ชื่ออัลบั้มเพราะไปโหลดมาฟังก่อนเหมือนเดิม แล้วมันมีข้อมูลบอกไว้ แนงเพลงก็คล้าย ๆ อัลบั้มแรกแหะ คือฟังแล้วมันชอบ ถ้าตามที่อ่านมาเรียกว่า โซล+ฟังก์ ไรประมาณนี้มั้ง เพลงที่ชอบในอัลบั้มมี รักเรา พรุ่งนี้ดีกว่า ยาเวลา ที่ชอบเพลงมัน ตึ้ง ตื้ด ดี ฟังแล้วสนุก แฮปปี้
  3. Ost. SuckSeed อ่านมาซักพักคงคิดว่าเจ้าของบล๊อก แม่งบ้า SuckSeed วะ ซึ่งคุณก็คิดถูกแล้ว ใช่เลยหลังดูจบ จขบ. เป็นเอามากทีเดียว เพราะว่าหนังเรื่องนี้มันยุคผมชัด ๆ เลยชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่ก่อนซื้อก็ได้โหลดมาฟังก่อนถ้าไม่มีเพลงอะไรติดใจเพิ่มจากที่มีอยู่แล้วก็คงไม่ซื้อหรอก เปลืองไป แต่มันมีไง เช่น เพลงของ Arena กับ เพลง ซักซี้ดนึง ของ Paradox เลยเป็นแผ่นที่ 3 ที่เสียตังไป
ซื้อเสร็จปุ๊ปกลับหอทันที วางแผนว่าอีก 2 วันต้องไปซื้ออะใหล่จักรยาน กับ ไปสำรวจที่ฝึกงานซักหน่อยแล้ว ตอนนี้พักผ่อน บาย

ปล. แล้วก็มานั่งฟังตอนที่เขียนอยู่ เพิ่งฟัง ภูมิจิต จบไปแผ่นเดียวเอง

เพลงที่ซื้อมาทั้ง 3 แผ่น เห็นได้ว่า Package ภูมิจิต เทียบกับอีก 2 แผ่นแล้ว เอิ่มมมม -_-"

Ost. SuckSeed Ver. ปกใน ชอบปกนี้แหะ ดูเท่ดีเป็นการ์ตูนในเรื่องเลย

หนังสือที่ไปได้มาในงานหนังสือ
ตอนอัพรูปเหลือ ติ้งกะตอย ที่ยังไม่อ่านที่เหลือ เคลียร์
ไว้ซักพักจะลองรีวิวทั้ง 2 เล่มที่เคลียร์แล้วดู ชอบมากโดยเฉพาะเล่มแดง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

SuckSeed กับความทรงจำสมัยประถมยันม.ปลาย

เริ่มจากเรื่องที่ว่าช่วงนั้นอยากดูหนัง แล้วเข้าไปใน pantip.com เจอหนังเรื่องนึงที่คนบอกว่าสนุกมากยังงั้นยังงี้ เลยได้ฤกษ์ไปดูหนังซะเลย ตอนแรกเข้าไปไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่หลังจากจบออกจากโรงมาทำให้กลับไปคิดถึงหลาย ๆ เรื่อง

ประถม
ตอนสมัยป. 4 นิถ้ามีเรื่องรถกระดาษหน่อยนะ จะใช่เลย สมัยนั้นต้องพับรถกระดาษกัน เก็บมามาได้เป็นลังเลย สมัยนั้นพับเก่งด้วย เป่าทีไรที่ 2-3 เกือบตลอด บางทีก็เคยได้ที่หนึ่งด้วยในการเป่าเล่น ๆ กับเพื่อนในห้อง พอมาป.5 เป็นยุคของการ์ดยูกิเลย สมัยนั้นมันจะมีการ์ดขายเป็นเล่ม ๆ แล้วจะมีเล่มนึงหายากมาก ๆ แล้วไอ้ที่เป็นเล่ม ๆ เด็ก ๆ ทั้งโรงเรียนผมคิดว่ามันเป็นของแท้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงของปลอมทั้งนั้น  เล่มที่หายากนั้นจะมีเทพครบ 3 เลยไม่ว่าจะเป็น โอเบลิส โอซีริส ราห์ แล้วยังมี แบล๊ค เมจิกเชี่ยนด้วย เป็นการ์ดที่ผมชอบใช้มากในตอนนั้น  ทันเดอร์โบลท์ก็อยู่ในเล่มนั้นด้วย เป็นเล่มรวมการ์ดเทพเลย หลัง ๆ พอเห็นมีการ์ดกันเยอะ ๆ ก็มีเพื่อนมาเสนอซองขายให้ เราก็เอาการ์ดไปใส่ซองกัน เล่นมาเรื่อย ๆ ซักพักก็มีโยโย่เข้ามาแต่ไม่ยักกะบูมแหะ ที่โรงเรียนเด็กไม่ค่อยเล่นกัน และแล้วผมก็จบชั้นประถมไปพร้อมกับการ์ดยูกิ

ม.ต้น
เข้ามาแบบเพื่อนในห้องไม่เห็นเล่นอะไรกันเลย แต่พอม.1 ปลาย ๆ Counter Strike เข้ามาเพื่อนก็เล่นกัน ผมก็ไม่ค่อยอยากเล่น หลังจาก Counter Strike ผ่านไป Ragnarok ก็เข้ามา เพื่อน ๆ ติดกันงอมผมหละเฉย ๆ ไม่ได้เล่น เพราะรู้สึกว่าการเล่นเกม online มันไม่รู้จักจบซักทีดูไม่มีเป้าหมาย เลยไม่รู้จะเล่นทำไม แต่ก็พอรู้เรื่องนิดหน่อยว่ามีการขายองขายเอ็ม ปล่อย Bot แต่พอม.2 กำลังจะจบก็ได้ยินเพลง ๆ นึงผ่านวิทยุ คือตอนนั้นเริ่มฟังวิทยุหละ นั้นคือเพลง น้ำลาย พอฟังปุ๊ปชอบปั๊ป ขอแม่ซื้อแผ่นทันที แผ่นแรกที่ซื้อดันเป็นแผ่น Karaoke พอได้จับกับมันซักพักรู้สึกว่ามันไม่ใช่แหะ ต้อง CD ซิ แต่ถ้าจะไปขอแม่ซื้ออีกแม่คงไม่ให้หละ แล้วตอนนั้นมี Little Rock Project เข้ามาด้วย เลยขอเงินแม่ไปซื้อซะเลย หลังจาก Little Rock ก็มี CD อีกมากมายหลายแผ่นเข้ามาอยู่ในคลัง จนม.3 เริ่มไม่ได้เล่นนั้นเล่นนี้หละ เพราะต้องเตรียมสอบเข้าม.ปลาย ไม่ว่าจะเป็นเตรียมหรือมหิดล ผมกับเพื่อน ๆ บ้าเรียนพิเศษฉิบหายเลย มีไปเรียน GSC กันด้วยถือเป็นการเข้ากรุงครั้งแรกเลย เข้าไปก็เดินไปเรียน กลับมาอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก ขนาดจุฬาฯอยู่ใกล้ ๆ ยังไม่รู้จักเลย พอการสอบมาถึงไอ้ที่ไปเรียนที่ GSC มาไม่ได้ใช้เลยสอนบ้าไรมาไม่รู้เกินหลักสูตรเยอะฉิบ พอประกาศผมติดคนเดียวแหะ เสียใจนิดหน่อยที่เพื่อนที่เตรียมตัวมาด้วยกันไม่ติดไปด้วย แล้วพอเทอม 2 แม่คิดไงไม่รู้อยากให้เล่นกีต้าร์ เลยได้เล่นกีต้าร์ตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้เล่นจริงจังอะไร ซักพักเห็นมีเพื่อนเอากีต้าร์มาเล่นเพิ่มด้วย แปลกใจนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่น กีต้าร์อีกเลย เพราะติดมหิดล

ม.ปลาย
เรื่องตอนม.ปลายเป็นอะไรที่สนุกดี บ้า ๆ ไปเรื่อย หัดโดดรงโดดเรียน ที่โรงเรียนมีไปดูงงดูงานเฮฮากันไป สอบก็ไม่ค่อยได้อ่าน สอบตกเป็นปกติเลยที่ mwit แต่ที่ยังอยู่จากม.ต้นมาคือเรื่องซื้อ CD พออยู่แถวนี้เลยได้รู้จักกับวงดนตรีมากขึ้นเยอะ เหมือนม.ต้นคิดเหมือนในหนังเลยว่าดนตรีมีแค่ 2 ประเภท คือ Grammy และ RS วงที่รู้จักเพิ่มมีทั้ง Modern Dog, Flure, Scrubb บลา ๆ ๆ ม.ปลายก็จบมาพร้อมกับ CD จำนวนมหาศาล

ส่งท้าย
จะเห็นว่า Entry นี้แทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับ SuckSeed เลยแหะ คือ ไม่อยากวิจารณ์หนังทำไม่เป็น ไม่อยากด้วย แต่เรื่องนี้ดูแล้วชอบสุดของ GTH แล้วรองมาก็ Season Change เพราะเอาเด็กโรงเรียนผมไปเล่นเป็น Extra เยอะเลย สถานที่ถ่ายทำนิก็ใกล้ ๆ กัน ตอนไปดูก็ปลื้ม นาถ ไปพักใหญ่ ๆ ส่วน SuckSeed หลังดูจบไปรื้อ CD เก่า ๆ มาฟังเต็มเลย เพลงสมัยนั้นรู้สึกว่าดีกว่าตอนนี้เยอะ ดูมีอะไรหลากหลายดี เพลงที่เล่นในหนังเคยฟังมาก่อนทุกเพลงมีเกือบหมดทุกอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็น
  • Modern Dog เสริมสุขภาพ ที่มีเพลง ก่อน กับ บุษบา
  • Bodyslam Believe ที่มีเพลง ความเชื่อ แต่อัลบั้มนี้ซื้อมาเพราะเพลง ขอบฟ้าเลย ชอบมาก
  • Big Ass Seven ที่มีเพลง น้ำตา แต่ซื้อเพราะเพลง ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก กับ เพลง เล่นของสูง แต่อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ชอบมากที่สุดของ Big Ass เลย
  • Silly Fools Candyman ที่มีเพลงเพียงรัก แต่ที่ซื้อเพราะเพลง น้ำลายที่อยู่คนละอัลบั้มนู้น เนื่องจากหลังจากฟัง Silly Fools แล้ว ชอบเลย เลยตามเก็บอัลบั้มเก่า ๆ ทั้งหมด
  • มี Paradox HitMe ด้วย ได้ฟังเพลงฤดูร้อนก็ตอนนั้นเลย ชอบมาก ๆ
Entry นี้พล่ามมาเยอะแล้ว ขอจบเพียงเท่านี้ Zzzzz....

ปล. ข้องใจอย่างว่าทำไมมีแต่คนบอกว่าเห็นการ์ดบลูอายที่คุ้งถือมาตัดทำปิก แต่ผมละเห็นเป็น Redeye BlackDragon ท่าทางต้องไปดูอีกรอบแหะ

รูปปก CD เพลงทั้งหมดที่โดนกล่าวถึงใน Blog
(ตกหล่นบ้าง ขออภัย)

ตั๋วหนังที่ไปดูมา ที่บ้านเกิด หนองคาย 50 บาทเอง


MV ซักซี้ดนึง

เริ่ม Blog อันใหม่ ต้อนรับการฝึกงาน

 สำหรับการฝึกงานที่จะมาถึงในวันที่ 1 เมษา นี้ ได้คิดว่า Blog เก่าที่เคยเขียนในวิชา Innovative Thinking มันใช้ยากทีเดียว แล้วไปเห็น clip อันนึง ซึ่งเป็น clip แนะนำ feature ใหม่ของ blogger แล้วมีความรู้สึกว่าน่าใช้กว่าของเดิมแหะ แถม blog อันเก่าดันมีเรื่องที่ทำให้ไม่ชอบซะแล้ว เลยเปลี่ยนมาขทำอันใหม่ดีกว่า ต้อนรับการฝึกงานไปเลย

ก่อนฝึกงาน
ก่อนฝึกงานนี้ก็ได้กลับบ้านมาพักผ่อน พร้อมทั้งไปทำใบขับขี่ และก็ได้ไปดูหนังเรื่อง SuckSeed ด้วย มาว่ากันถึงวันที่กลับบ้านกันเลยดีกว่า


ก่อนหน้าวันนี้ประมาณ 1 สัปดาห์
เป็นสัปดาห์ที่กลับมาบ้าน แถมยังไม่ได้ทำอะไรเลย อากาศหนาวมาก ๆ อุณหภูมิ 14-15 องศากันเลยทีเดียว วัน ๆ ก็นั่งเล่นคอมแล้วก็นอน เป็นกิจวัตรเลย

ช่วงสัปดาห์ต่อมา
สัปดาห์นี้อากาศดีขึ้นแล้ว ก็ได้ออกไปเล่นบงเล่นบาสบ้าง แล้วก็พร้อมที่จะไปทำใบขับขี่กันแล้ว โดยการทำใบขับขี่นั้น ต้องเตรียมหลักฐาน 2 อย่างเท่านั้น คือ
  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  2. ใบรับรองแพทย์
สำหรับใบรับรองแพทย์นี้ ต้องมีอายุก่อนวันสอบไม่เกิน 1 เดือนด้วย รูปถ่ายเห็นมาว่าแต่ก่อนต้องใช้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เค้าถ่ายให้เหมือนบัตรประชาชนเลย ตอนแรกว่าจะไปตอนวันจันทร์แต่ดันเพิ่งรู้ว่าต้องใช้ใบรับรองแพทย์ เลยต้องไปโรงพยาบาลก่อนแล้วคิดว่าจะไปทำใบขับขี่ ปรากฏว่าเค้าปิดรับสมัครตอน 10 โมง ไปไม่ทัน วันนี้เลยได้แค่ไปขอใบรับรองแพทย์ วันต่อมาก็ได้ไปทำจริง ๆ

ไปถึงก็ไปยื่นหลักฐาน ให้ Counter ตามป้าย แล้วเค้าก็เอาหลักฐานเราไปแม๊กซ์ติดกัน แล้วก็ให้บัตรคิวเรามาได้เลข 13 มาหละ แล้วก็ไปนั่งรอที่ชั้น 2 รอถึง 9 โมงครึ่ง เค้าก้ให้เข้าห้องไปทดสอบซึ่งที่สอบของเราเองมี 2 อย่างนั้นคือ
  1. ทดสอบตาบอดสี
  2. ทดสอบปฏิกิริยาของเรา
สำหรับการทดสอบตาบอดสีนั้น เค้าก็มี poster อันนึงมีสีหลาย ๆ สีในนั้นแล้วก็จิ้มสี แดง เหลือง เขียว แล้วบอกให้ถูกว่าเป็นสีอะไร หลังจากนั้นก็ ผ่าน
แล้วก็ไอ้ปฏิกิริยานิก็จะมีคล้ายเกม arcade แข่งรถ มาให้เหยียบ เหยียบไปซักพักมันจะขึ้นไฟแดง ต้องเหยียบเบรคให้ทัน เราก็เกือบเหยียบไม่ทัน ผ่านเป๊ะเลย อย่างเกร็ง
หลังจากนั้นก็ไปเค้าห้องอบรมเปิด dvd ให้ดู นั่งฟังไปง่วงไป พอจบแล้วพี่ที่คุมสอบก็เข้ามาเปิด power point เรื่องป้ายจราจรให้ดูก็นั่ง ๆ ฟังไป หลัง ๆ มีบอกข้อสอบด้วย ใจดีจริง ๆ แลวก็ปล่อยตอน 11.45 บอกไปพักเที่ยงเจอกันอีกที 12.45 ไอ้เราเลยกลับบ้านไปหาข้าวกิน มื้อนั้นเป็นส้มตำของโปรดต้องตำลาว กลับมาก็ไปสอบ โดยสอบนั้นจะสอบผ่านคอมเป็นคล้ายเกมจับผิดตามห้างเลยกด ๆ ไป 30 ข้อต้องได้ 23 ข้อถึงจะผ่าน เราเลยจัดไปเสร็จคนแรกของห้องเลยได้ไป 27 คะแนนสบายไป แล้วก็ไปรอสอบขับจริง รอเป็นชั่วโมงกว่าเค้าจะมาสอบให้ ตอนสอบไม่มีอะไรเลย มี 3 ฐานต้องผ่านหมด มีฐาน
  1. ขี่ตามป้าย มีป้ายหยุดก็หยุดมีเลี้ยวก็เลี้ยว
  2. พ้นฐานหนึ่งเจอฐาน 2 ขี่ซิกแซกผ่านกรวยจราจรที่วางห่างกัน 5 เมตรตามเค้าบอก
  3. ผ่านไปเจอฐาน 3 ตัวบนเส้นนูน ๆ ยาว 10 เมตรมั้ง เวลาต้องอยู่บนนั้น 10 วิ แต่ช่างมันเถอะ
ตอนแรกนึกว่าจะโหดที่ไหนได้ปล่อยพร้อมกันผ่านหมด ทั้งที่เราทำฐาน 3 ไม่ผ่าน แต่มันปล่อยพร้อมกันยาก ๆ ไงไม่รู้แต่ก็ผ่านมาได้ แล้วไอ้ตอนที่รอก็มีพี่คนนึงเข้ามาทัก แล้วก็ได้คุยกัน ถามนั้นถามนี้ไปเรื่อย ได้ความว่าพี่เค้าเป็นคน อ.ศรีเชียงใหม่ ทำงานกรุงเทพ มาต่ออายุ แต่ดันต้องสอบใหม่ มีแฟนแล้วอยู่กรุงเทพ ทำงานอยู่ พี่เค้าก็บ่นว่าสั่งงานโหดจังบริษัทที่ทำงาน ประมาณนี้แต่โดยรวมก็ดูเป็นคนดีนะ หลังจากสอบเสร็จก็ไปนั่งรอรับใบขับขี่และจ่ายตัง ระหว่างนั่งรอเค้าก็เรียกไปจ่ายเงินทั้งหมด 155 บาท จะบ้ามีติดตัว 150 บาทเลยวิ่งกลับไปที่รถไปเอาตังออกมาเพิ่มซะ หลังจากกลับมาพี่ที่เจอกันตอนนั้นก็บอกว่าทำไมไม่บอก 5 บาทเองประมาณนี้ เราตอนแรกก็คิดว่าจะยืมหรอก แต่เกรงใจ แล้วไปเอามาเผื่อด้วยก็ดีเลยไปเอามา พอเข้าไปก็ถ่ายรูปรอ print บัตรออกมาแล้วก็บ้าย บาย พี่เค้าแล้วก็กลับบ้าน ดีใจได้ใบขับขี่แล้ว หลังจากก่อนมาหนองคายดันยืมมอ'ไซค์เพื่อนแล้วไปเฉี่ยว ดวงยังดีเจอคนใจดีที่บอกว่าไม่เอาเรื่องเห็นเราไม่มีใบขับขี่มั้ง หลังจากนี้สบายแล้ว ส่วนเรื่องดู SuckSeed ไปเขียนอีก Entry ดีกว่ายาวเกิน

 อันนี้ VDO ที่ทำให้หันมาลอง Blogger

 ใบขับขี่จ้า สอบมาได้ด้วยความรู้สึกว่ามันง่ายเกินแปลก ๆ
ลายด้านหลัง เป็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาวด้วยสวยดี

Poster SuckSeed ที่จะว่ากันใน Entry ต่อไป 
นางเอกน่ารักมาก ๆ ตัวหนังทำให้นึกถึงวัยเด็กหลาย ๆ อย่างเลย